เชื่อได้ว่าคอมพิวเตอร์ Mac ของ Apple เป็นคอมพิวเตอร์ในฝันของใครหลาย ๆ คน ทั้งในส่วนของโน้ตบุ๊กพกพาอย่าง MacBook รุ่นต่าง ๆ รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอย่าง iMac หรือ Mac Pro แต่ด้วยความที่ว่าผลิตภัณฑ์ Mac นั้นมีราคาสูงจนมาก ทำให้ทางเลือกในการซื้อ Mac มือสองในราคาที่ถูกกว่านั้นเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าไอทีมือสองนั้นมีความเสื่ยงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้นแล้วในบทความนี้เราจะมาแนะนำการซื้อ Mac มืองสองกัน ว่าต้องดูอะไรและยังไงบ้าง ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายเลย ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1. ดูรุ่นที่ต้องการให้เหมาะสมกับการใช้งาน สำคัญมาก ๆ เพราะก่อนที่เราจะซื้อ Mac มือสองหรือมือหนึ่งมาใช้งานก็ตาม เราควรเลือก Mac รุ่นนั้น ๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เช่น ถ้าเราเน้นใช้งานที่บ้านหรือที่ออฟฟิศโดยไม่ได้ย้ายไปไหน ก็แนะนำเป็นซื้อ iMac ไปเลย เป็นต้น
2. ตรวจสอบราคาจากแหล่งซื้อขายให้ชัวร์ เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ Mac รุ่นไหนมาใช้งาน ก็คงต้องตรวจสอบเรื่องของราคาว่าอยู่ในช่วงที่เท่าไรตอนนี้ เพราะการมาของ Mac รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ รวมไปถึงดูว่าคนที่เราจะซื้อนั้นเค้าขายที่ราคาสูงเกินไปหรือไม่ พอจะต่อรองเพิ่มเติมได้หรือเปล่า และมีของแถมเพิ่มเติมอะไรไหม
3. นัดรับในสถานที่ปลอดภัยและสว่าง ๆ เมื่อคุยราคาที่เราพอใจและตกลงกับคนที่ขาย Mac มือสองรุ่นที่เราต้องการได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปในการนัดรับนั้นก็มีความสำคัญมาก ๆ เพราะเราจำเป็นต้องดูของจริงว่าเป็นไปตามที่ผู้ขายแจ้งมาหรือไม่ แน่นอนว่าสถานที่นัดรับก็ควรเป็นที่สว่าง ๆ เช่นตามห้างร้านต่าง ๆ อีกทั้งต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยด้วย
4. ตรวจสอบว่าตรงสเปกรุ่นที่ต้องการทั้งภายในและภายนอกหรือไม่ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะเครื่องมือสองที่เรากำลังจะจ่ายเงินไปนั้น เป็นเครื่องที่ตรงรุ่นตรงสเปกอย่างที่เราได้ตกลงกับคนขายไว้หรือเปล่า ฉะนั้นในการตรวจสองตรงนี้ต้องมีความใจเย็นและรอบคอบพอสมควร โดยเริ่มเช็กจากตัวเครื่องภายนอกว่ามีรอยมากน้อยแค่ไหน มีรอยบุบอะไรหรือเปล่า จากนั้นตรวจสอบ Serial Number ว่าตรงไหม รวมไปถึงเช็กแบตเตอรี่ว่ามีการใช้งานมากี่รอบชาร์จแล้ว เพราะจะบ่งบอกถึงความหนักหน่วงในการใช้งานแบตเตอรี่ว่าเสื่อมไปแค่ไหน ต่อมาก็ตรวจสอบหน้าจอ ว่าแตก ร้าว หรือมี Dead Pixel หรือไม่ และสุดท้ายคือเช็กคีย์บอร์ด แทร็คแพดว่าใช้งานได้ปกติหรือเปล่า ก็เป็นอันเรียบร้อย
5. ตรวจสอบประกันว่ายังมีไหม เหลืออยู่เท่าไร นับได้ว่าถ้ามีประกันเหลือก็จะเป็นเรื่องราวดี ๆ สำหรับเรา เพราะช่วยให้อุ่นใจไม่น้อย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าราคาที่เราได้มานั้นมีราคาเท่าไร ซึ่งถ้าได้ราคาที่ถูกมาก ๆ มา ก็อาจจะหมดประกันไปแล้วแน่นอน อย่างไรก็ตาม ถ้าประกัน Apple หมดแล้วจริง ๆ กรณีที่ผู้ขายให้ประกันใจนั้น ก็ถือว่าช่วยให้เราอุ่นใจระดับนึง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องตกลงกับผู้ขายเองตั้งแต่แรก อย่างน้อย ๆ ประกันใจประมาณ 1 สัปดาห์ก็โอเคแล้ว เพราถ้าพังหรือเป็นอะไรขึ้นมา ผู้ขายก็จะยินดีคืนเงินให้เราเต็มจำนวนหรือบางส่วน